ฮาโรลด์ ทนายความหนุ่มและเพื่อนสนิทของเขาอย่าง เบิร์ท นายแพทย์หนุ่มมากความสามารถ ถูกว่าจ้างให้ชันสูตรศพที่เสียชีวิตอย่างปริศนา ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นผู้ต้องหาของคดีฆาตกรรมเสียเอง เส้นทางการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของทั้งคู่พาพวกเขามาเจอกับ วาเลอรี่ พยาบาลสาวเพื่อนสนิทที่ห่างหายจากกันไปนานกว่า 10 ปี แต่ระหว่างที่ทั้ง 3 คนกำลังสืบหาหลักฐานและตามหาคนร้ายตัวจริงของคดี พวกเขากลับค้นพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ท่ามกลางแผนการอันชั่วร้ายที่สุดของประวัติศาสตร์อเมริกา
การเล่าเรื่องโดยรวมของภาพยนตร์นั้นเต็มไปด้วยความหวือหวา เป็นหนังตลกแนวประวัติศาสตร์เรื่องใหม่ที่ร้ายกาจที่สุด ด้วยการเล่าเรื่องแบบสลับช่วงเวลา , มุกตลกจิกกัดแบบแสบๆ คันๆ , เหล่าตัวละครจำนวนมากที่พร้อมจะแย่งสีสันกันบนจออยู่ตลอดเวลา หรือกระทั่งการเล่นสนุกกับการที่เรื่องราวทั้งหมดทะยานใหญ่โตกว่าเพียงแค่คดีฆาตกรรมธรรมดาครับ แต่สิ่งที่ต้องแลกมากับความฉูดฉาดของเรื่องก็คือ หัวจิตหัวใจที่หล่นหายไปของเหล่าตัวละครครับ แม้ว่าภาพยนตร์จะมีการเล่าถึงปูมหลังของตัวละครหลัก มิตรภาพ ความสัมพันธ์ รวมไปถึงเรื่องราวความรักของพวกเขา แต่ผู้ชมกลับไม่ได้รู้จักตัวตนของพวกเขาอย่างชัดเจนเลย และเมื่อผสมกับความรวดเร็วและวุ่นวายของเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกหลงรักหรือเอาใจช่วยกลุ่มตัวละครได้มากเท่าที่ควร
ความรักที่ดีที่สุด ไม่ใช่ความรักที่เราต้องการ แต่มันคือความรักที่เราเป็นคนเลือกเอง คำพูดดังกล่าวมาจากตัวละครอย่าง เออร์ม่า พยาบาลสาวที่ร่วมชันสูตรศพกับ เบิร์ท ในช่วงต้นเรื่อง โดยเขาและภรรยาอย่าง เบียทริซ มีความสัมพันธ์อันล้มเหลวครับ ซึ่งสวนทางกับเมื่อครั้งยังวัยรุ่นที่ทั้งคู่นั้นตกหลุมรักกันอย่างหัวปักหัวปำ ทั้งเบิร์ทและเบียทริซพร้อมจะสนุกสนานไปกับบทกวี การเต้นรำ และเสียงเพลงอันสนุกสนาน จนสุดท้ายพวกเขาทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงานกันครับ โดยในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นทั้งคู่ต่างต้องการกันและกันด้วยหลายเหตุผล หลักๆ เลยก็คือพวกเขาสามารถเติมเต็มสีสันในชีวิตให้แก่กันได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ